1. รถยกกึ่งไฟฟ้า (Semi Electric)
เป็นรถยกไฮดรอลิคที่ใช้ระบบไฟฟ้าในการยกขึ้น-ยกลง หรือ เดินหน้า-ถอยหลังได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น รถลากพาเลท (Handlift) ยกสูงได้เพียงแค่ 20 เซนติเมตรโดยประมาณ เหมาะกับงานที่ต้องมีการเคลื่อนที่เพื่อย้ายสิ่งของค่อนข้างเยอะ จะใช้ระบบไฟฟ้าในการเดินหน้า-ถอยหลังมากกว่า
แต่ถ้าเป็นรถยกกึ่งไฟฟ้า (Semi Electric Stacker) จะใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างจากรถลากพาเลท (Handlift) คือจะใช้เคลื่อนทีเพื่อย้ายสิ่งของไม่มาก แต่จะยกสินค้าบ่อยหากใช้รถยกแมนนวล (Hand Stacker) ก็จะต้องใช้แรงคนอย่างมากในการยกสิ่งของขึ้นสูงทีละเมตรรถยกกึ่งไฟฟ้าที่มีระบบการยกขึ้น-ยกลงด้วยไฟฟ้าจึงเหมาะกับการใช้งานประเภทนี้มากกว่า เพียงแค่กดปุ่มเพื่อปั๊มแบตเตอรี่ขึ้นไปก็สามารถยกสิ่งของได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้แรงคน
2. รถยกไฟฟ้าทั้งระบบ (Full Electric)
เป็นรถยกไฮดรอลิคที่ใช้ระบบไฟฟ้าทั้งระบบในการยกขึ้น-ยกลง และเดินหน้า-ถอยหลัง สำหรับรถยกไฟฟ้าทั้งระบบก็จะมีทั้งรถลากพาเลท (Handlift,Hand pallet) รถยกไฟฟ้าทั้งระบบ (Full Electric Stacker) ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย ทุ่นแรงคน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือช่องเลี้ยว หรือวงเลี้ยวไม่ได้กว้างมาก ใช้ในสถานที่ที่มีพื้นที่น้อยได้เป็นอย่างดี แต่แลกมาด้วยราคาเริ่มต้นที่สูงขึ้น
3. Reach Stacker
Reach Stacker เหมือนกับรถยกไฟฟ้าทั้งระบบ (Full Electric) เป็นรถยกไฮดรอลิคที่ใช้ระบบไฟฟ้าทั้งระบบในการยกขึ้น-ยกลง และเดินหน้า-ถอยหลัง แตกต่างตรงงาสามารถยืดเข้ายืดออกได้ แต่ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกจากตัวรถยกไฟฟ้าทั้งระบบ (Full Electric) แต่ถ้าหากการใช้งานเหมาะสมกับตัวรถรับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
4. Reach Truck
Reach Truck หรือ รถโฟล์คลิฟท์ยืนขับ แบรนด์หลักๆ คือ NICHIYU, TOYOTA, KOMATSU, UniCarriers เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่แคบ แต่มีชั้นวาง (Rack) ที่ค้อนข้างสูง
5. รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift)
รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) ตัวเครื่องเป็นแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีแบตเตอรี่อยู่สองแบบคือ แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด (Lead–acid battery) ก็จะต้องเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอ ทุกครั้งก่อนใช้งาน หากใช้งานบ่อย 2 รอบ 3 รอบ ควรมีแบตสำรองไว้ใช้งาน ส่วนอีกแบบคือแบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium-Ion Battery)
ราคาจะค่อนข้างแพงกว่าแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด แต่ชาร์จไม่เกินสองชั่วโมง แบตเตอรี่ก็จะเต็ม (300 แอมป์ เครื่องชาร์จประมาณ 100 แอมป์) ใช้ได้ยาวนาน 2-3 รอบ